เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๕ ธ.ค. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรม วันนี้วันสำคัญของชาติ วันสำคัญของชาตินะ วันของคนผู้ที่มีบุญเกิด เพราะความมีบุญอันนั้น ๖๐ ปีย้อนหลังไป ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เราไม่ต้องอพยพหนีทางเรือ ไม่ต้องอพยพข้ามชายแดน ไม่ต้องอพยพใดๆ ทั้งสิ้น เพราะท่านมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีชนเผ่า ๖๐-๗๐ ชนเผ่า อยู่ด้วยกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุขกันได้อย่างไร ความอยู่กันด้วยความร่มเย็นเป็นสุขเพราะหัวหน้ามีวิสัยทัศน์ เรามีน้ำใจต่อเขา เรามีทุกอย่างต่อเขา

วันนี้วันสำคัญของชาติ เพราะผู้นำชาติเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ ผู้นำชาติเป็นผู้ที่มีสายตายาวไกล ทำให้ชาติของเรามั่นคง ทำให้ชาติของเราไม่ต้องทุกข์จนเข็ญใจ ไม่ต้องอพยพหนีภัย นี่วันสำคัญของชาติ เห็นตรงนี้คุ้มค่า

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก “เกิดในประเทศอันสมควร” เห็นไหม เกิดจากพ่อจากแม่ที่ดี พ่อแม่ที่ดีเลี้ยงดูเรามา เกิดในชาติที่ว่าร่มเย็นเป็นสุขมา ๖๐-๗๐ ปีตั้งแต่เรามีชีวิต ที่เราเห็นกันอยู่นี่ ไอ้เด็กเกิดใหม่มันไม่รู้เรื่องหรอก ไอ้เด็กเกิดใหม่มันก็อย่างว่า มันวิเคราะห์วิจัยไปทางวิทยาศาสตร์ไง นู่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ดี นู่นก็ไม่ถูกต้อง

มันเป็นกุศโลบาย การจะเอาชาติรอดได้มันต้องมีกุศโลบาย ถ้าไม่มีกุศโลบาย เห็นไหม ดูสิ พวกเรามีความภูมิใจกันมากว่าประเทศไทยไม่เคยเป็นขี้ข้าของใคร รอบข้างเป็นขี้ข้าเขาหมดเลย นั่นล่ะกุศโลบายของ ร.๕ กุศโลบายของท่าน ท่านเอาชาติรอดมาได้

นี่ก็เหมือนกัน วันนี้วันสำคัญของชาติ วันสำคัญของชาตินะ เราทำเพื่อหัวใจของเราไง เราได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ได้ร่มเงาของพระมหากษัตริย์ เราได้อยู่ร่มเงาของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นะ

แล้วเวลาฟังธรรมๆ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกธรรมะย่อมชนะอธรรม ธรรมะย่อมชนะสรรพสิ่งทั้งปวง ธรรมะ สัจธรรมมันต้องชนะทั้งหมด ทีนี้ความชนะขึ้นมา ความชนะมันต้องชนะด้วยขันติธรรม ด้วยอำนาจวาสนาบารมี เราบอกว่า ถ้าธรรมะย่อมชนะทั้งปวง แล้วเราจะนอนอยู่บนยอดเขา ลมพัดชายเขา อู๋ย! มีความร่มเย็นเป็นสุขไปหมด มันไม่มีอยู่หรอก

สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง มันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คนที่มีสติปัญญาเขาจะพาชาติรอดด้วยสติปัญญาของเขา เห็นไหม ธรรมะย่อมชนะอธรรม ธรรมะย่อมชนะทั้งปวง ธรรมะต้องชนะ ธรรมะคือสัจจะ คือความจริง ถ้าความจริง สิ่งนี้เกิดขึ้นมา เกิดที่ไหน? เกิดขึ้นจากการกระทำอันนั้น ถ้ามีการกระทำอันนั้น การกระทำอันนั้นทุกคนก็รับรู้ได้ ทุกคนมันอยู่ในหัวใจของเรา เรามองเห็น ผู้นำที่ดีและผู้นำที่เห็นแก่ตัว

ถ้าผู้นำที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ผลประโยชน์ของตน แต่ถ้าผู้นำที่ดี เขามอง มองถึงสาธารณะ มองถึงความเป็นอยู่ของสังคม มองถึงความเป็นอยู่ของโลก เห็นประโยชน์คนอื่นก่อนเป็นประโยชน์ของเรา แล้วทำขึ้นมาแล้วมันได้หัวใจของคน

ดูสิ เวลาทางโลกเขา เวลาใครไปธุระแล้วทำกระเป๋าเงินตก แล้วมีคนดีเขาเก็บกระเป๋าเงินได้ เขาก็มาคืนเรา เขามาคืนเรา เขาบอกว่าเพราะคนถ้าของมันหายแล้ว จิตใจของเขา เขาต้องคิดถึง นี่เขาคิดถึงใจคน แต่ไปดูสิ สังคมอีกสังคมหนึ่ง เวลามีงานคนเยอะๆ ไอ้พวกกรีดกระเป๋า ไอ้พวกล้วงกระเป๋า

คนคนหนึ่งเขาเก็บกระเป๋าสตางค์ได้ เขาเอาไปคืนเจ้าของนะ เขาคิดถึงใจของคนนะ อีกกลุ่มหนึ่งมันไปฉกชิงวิ่งราว มันไปลักขโมยของเขานะ นี่ใจคนไม่เหมือนกัน

ธรรมะย่อมชนะทั้งปวง กว่าจะชนะได้ เก็บเงินได้เต็มกระเป๋าเลย ใครไม่อยากได้ เงินทองมันใช้ประโยชน์ได้ทั้งนั้นน่ะ แต่เราเห็นถึงน้ำใจคน เราคิดถึงเขา เราคิดถึงใจของเขา เราไปคืนเขา นี้มันชนะหรือ ของอยู่กับมือ ลาภ ลาภที่ควรได้และไม่ควรได้ แล้วเราเก็บได้แล้วเราเอาไปคืนเขา

แล้วบอกว่า “ชนะที่ไหนน่ะ แห้งแล้งไม่มีสิ่งใดใช้สอยเลย มันชนะตรงไหน”

มันชนะที่ขันติธรรม มันชนะที่หัวใจที่มันมีคุณธรรม มันชนะตรงนี้ ถ้ามันชนะตรงนี้แล้ว มันปลอดโปร่ง มันโล่งโถงไปทั้งชาติเลย เราได้คุณงามความดีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมันจะฝังใจไปตลอดเลย แล้วไอ้พวกที่ไปฉกชิงวิ่งราวของเขา ไอ้พวกที่ไปกรีดกระเป๋าเขา ไปล้วงกระเป๋าเขา ไปดูครอบครัวเขาสิ ทะเลาะเบาะแว้ง มีแต่ความขัดแย้ง ในบ้านในเรือนมีแต่ความทุกข์ความยาก แล้วเขาบอกว่าหาเงินมาจุนเจือครอบครัว หามาแล้วครอบครัวมีความสุขมาก

นี่ไง จะบอกว่าธรรมะชนะทั้งปวง ชนะตรงนี้ไง ชนะด้วยบุญกุศลไง ชนะด้วยหัวใจของเราไง ชนะที่ประโยชน์ในครอบครัวของเราไง ในครอบครัวของเราพูดจากัน มองหน้ากัน มันเข้าใจกันหมด สิ่งนี้มันเป็นประโยชน์ไหม เวลาเงินทองมีมหาศาลเลย แต่ลูกหลานของเรามันไม่เชื่อฟังของเรา มรดกตกทอดขนาดไหนมันรักษาไว้ไม่ได้หรอก แม้แต่ชีวิตของมัน มันยังรักษาชีวิตมันไม่ได้เลย แล้วมันจะรักษาสมบัติได้อย่างไร

แล้วชีวิตที่มันรักษาได้ ดูสิ ในปัจจุบันนี้เรามาฟื้นฟูกัน ขอให้เป็นคนดีเถิด ขอให้เป็นคนฉลาด ฝึกเอาได้ คนดีเราปลูกฝังๆ ความดีกัน ปลูกฝังความดีกันไง นี่ธรรมะชนะซึ่งอธรรม ชนะทั้งหมด ถ้ามันชนะทั้งหมด ชนะอยู่ที่การฝึกฝน อยู่ที่การกระทำ ผู้ที่มีอำนาจวาสนา ผู้ที่เป็นผู้นำ เขาจะปลูกฝังตรงนี้ ถ้าปลูกฝังตรงนี้ เราก็บอกว่า “แล้วเมื่อไหร่ชาติมันจะเจริญ”

จะสุมไฟกันใช่ไหม จะเผาผลาญให้มันมอดไหม้ไปใช่ไหม จะให้มันเจริญอย่างนั้นหรือ แต่ถ้าให้มันเจริญขึ้นมา มันเจริญด้วยการกระทำ เจริญด้วยความงอกงามของหัวใจของคน แบ่งสันปันส่วนกัน แผ่นดินธรรม เรามีธรรมของเรา มีความพอใจของเรา เราจุนเจือกัน ความจุนเจือกัน ดูสิ เวลาหลวงตาท่านบอกท่านพาทำๆ ท่านพาเสียสละ เสียสละให้เขาเห็น ท่านพาทำๆ พาทำไว้นะ เห็นคนทุกข์คนจน เราก็อยากจะเจือจานเขา แต่มันจนจริงหรือเปล่าล่ะ อาชีพจน แต่เวลาจนแล้ว ไอ้คนที่จะเสียสละมันก็ไม่กล้าทำ ทำไปแล้วพอรู้ว่าโดนหลอก มันทนไม่ได้ เราถึงมาวัดๆ กัน

ผู้ที่ทรงศีล ทรงศีล เห็นไหม ปฏิคาหก เราได้มา ได้มาด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ของเรา นี่ผู้ทรงศีล ผู้ทรงศีลได้แล้วไปทำประโยชน์ไหม ขนาดผู้ทรงศีลนะ แล้วที่มันไม่ทรงศีลล่ะ เพราะมันไว้ใจกันไม่ได้ไง มันไว้ใจกันไม่ได้ก็ย้อนกลับมาที่เรา

วันนี้วันสำคัญของชาติ แล้วเขาระลึกถึงบุญคุณของพระมหากษัตริย์ เขาทำคุณงามความดีเพื่อถวายท่าน ไปออกกำลังกายกัน ไปถีบจักรยานกันเพื่อประโยชน์ไง ของเรา เราจะปั่นหัวใจของเราไง ถ้าพูดถึงไว้ใจได้ๆ เขาไว้ใจที่หัวใจนี่ ถ้าหัวใจ ถ้าเรามีความระลึกถึง น้ำใจ ดูสิ คนเขาอยากทำคุณงามความดีกันมหาศาลเลย แล้วความดีจะไปไว้ที่ไหน ทำห้องสมุด ทำสิ่งใดกันก็ขนไปกองกันไว้นั่น นี่เราจะทำคุณงามความดีของเรา

แล้วหัวใจล่ะ คุณงามความดีที่เป็นนามธรรม ความคิดที่ยิ่งใหญ่ ความคิดที่อยากเสียสละ ความคิดที่การกระทำอยู่นี่ แล้วความคิดอย่างนี้ ความคิดอย่างนี้เราทำกันเป็นวัตถุ แล้ววัตถุจะไปเก็บกันที่ไหน ประวัติศาสตร์สะสมกันไว้ คุณงามความดีของเรามีชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ แต่หัวใจของเราล่ะ

ถ้าหัวใจของเรา เราทำคุณงามความดี เราจะปั่นหัวใจของเรา เราจะเริ่มกวนมันให้มันคายไอ้ความทุกข์ระทมของเรา ไอ้ความเครียดในหัวใจ เราเห็นชาติที่สงบร่มเย็นเราก็มีความพอใจ แต่หัวใจของเราล่ะ หัวใจของเราล่ะ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกพระอานนท์นะ “ให้ปฏิบัติบูชาเราเถิด ปฏิบัติบูชาเราเถิด”

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราปั่นหัวใจของเรา เราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เขาไปปั่นจักรยานกัน เขาปั่นด้วยเท้าของเขา ไอ้เราเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาของเรา เราก็กวนหัวใจของเรา เราดูแลหัวใจของเรา เห็นไหม ถ้าไม่มีกิจจญาณ สัจจญาณ มันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

เราเป็นชาวพุทธ เราทำบุญกุศลจะได้บุญกุศลมาก บุญกุศลก็เป็นบุญกุศล มันเป็นอามิส มันส่งเสริมขึ้นไปแล้ว มันใช้หมดแล้วมันก็เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ นี่ก็เหมือนกัน เราจะเอาบุญกุศลของเรา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ กิจกรรม กิจจญาณ สัจจญาณ มันต้องมีกิจกรรมของมัน หัวใจที่มันจะพัฒนาได้ มันจะดีได้ขึ้นมามันต้องมีการกระทำ

เราระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาท่านปรารถนาของท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านเสียสละมาขนาดไหน พระโพธิสัตว์ๆ เสียสละมาทุกภพทุกชาติ เสียสละมาจนหัวใจท่านมั่นคง หัวใจท่านมั่นคงเพราะท่านมีบารมีธรรม

เวลาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เวลาไปประพฤติปฏิบัติกับอุทกดาบส อาฬารดาบส เขายกย่องสรรเสริญว่า “มีความรู้เหมือนเรา เป็นศาสดาเหมือนเรา” ทำไมท่านไม่เชื่อล่ะ ไอ้ของเราไม่ต้องให้ใครมายกย่องหรอก กิเลสมันชูหางเลยล่ะ

นี่ของท่านมีอาจารย์ยกย่องแล้วท่านยังไม่เชื่อๆ ไม่เชื่อเพราะอะไรล่ะ ไม่เชื่อเพราะท่านสร้างสมบุญญาธิการมาไง เหมือนเรา เราทำบุญกุศลของเรา เราฟังธรรมของเรา เราฝึกหัวใจของเราใช่ไหม ใครจะพูดอะไรก็เรื่องของเขา กาลามสูตร พระพุทธเจ้าไม่ให้เชื่อๆ เราจะเชื่อสัจจะความจริงของเราไง ถ้าเราเชื่อสัจจะความจริงของเรา

วันนี้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันสำคัญของชาติ ถ้าวันสำคัญของชาติเขาทำเพื่อถวายในหลวง เราก็ประพฤติปฏิบัติของเราเพื่อถวายในหลวงด้วย แล้วเพื่อพุทธะ เพื่อความสว่างไสวในหัวใจของเราด้วย ถ้าเราสว่างไสวในหัวใจของเรา เราทำคุณงามความดี คุณงามความดี ดูสิ เวลาเราทุกข์เรายาก เราทุกข์จนเข็ญใจกัน เราก็บอกเราทุกข์เรายากนัก เราจะทำความดีขึ้นมา ให้นั่งเฉยๆ นั่งสมาธิ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ

ทำไมต้องพุทโธด้วยล่ะ

พุทโธคือพุทธะ พุทธะคือองค์ศาสดาของเรา เราระลึกถึง เราทุกข์เรายากขึ้นมา เรานึกถึงพ่อแม่ของเรา คนทุกข์คนยากขึ้นมาจะคิดถึงพ่อถึงแม่ก่อน นี่ก็เหมือนกัน เวลาเราคิดถึง เราคิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก่อน คิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเรา เราระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านรื้อค้นสัจธรรม ที่ท่านพ้นไปแล้ว ท่านเป็นพยาน พยานกับเรา เราจะตามรอยท่าน เราตามรอยท่าน เราก็หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เราปั่นหัวใจของเรา

เขาปั่นจักรยานกันถวายในหลวงใช่ไหม เราทำคุณงามความดีถวายในหลวง ทำคุณงามความดีจากภายใน ความดีที่เป็นนามธรรม นามธรรมที่มันทุกข์มันยาก เราพยายามรักษาดูแลของเรา ต้องมีการกระทำ ไม่มีการกระทำ ไม่มาหรอก เวลาปั่นจักรยานไปนอนดูเขา มันก็ไม่ได้ปั่นหรอก ไอ้นี่ก็เหมือนกัน “ผู้ทรงศีลๆ ธรรมะเขาฝากไว้กับพระ พระก็ปฏิบัติไปสิ พระทำไมต้องมาเคี่ยวเข็ญให้โยมมาทำด้วยล่ะ”

อ้าว! พระก็ฉันคนเดียวนะ อาหารอย่าตักนะ เดี๋ยวพอเสร็จแล้วทานอาหารด้วยกัน ทุกคนก็ต้องทานด้วยกัน กินด้วยกัน อยู่ด้วยกัน

หัวใจก็เหมือนกัน พุทธะมีอยู่ในหัวใจทุกๆ ดวงใจใช่ไหม พระก็ต้องทำของพระใช่ไหม โยมก็ต้องทำของโยมสิ นางวิสาขาไม่ได้บวชพระ เป็นพระโสดาบัน พระเจ้าสุทโธทนะเป็นกษัตริย์ เป็นพระอรหันต์ นี่ไง ไม่ใช่พระก็ทำได้ ไม่ใช่พระก็ทำได้

พอทำอย่างนี้ เวลาทำบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วมันจะบูชาหัวใจของเราไง แล้วถ้าผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ถ้าจิตมันสงบ โอ๋ย! มันร่มเย็นนะ

นี่ไง เราถึงว่าเกิดแล้วไม่เหยียบแผ่นดินผิดไง แผ่นดินคือเหยียบในแผ่นดินพระพุทธศาสนา เกิดในประเทศอันสมควร แล้วหัวใจ ภวาสวะ ภพ มันจะได้สัมผัสธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีก มันสองชั้นสามชั้น ถ้าสองชั้น มีกายกับใจๆ ร่างกายนี้ก็ให้โรงพยาบาลดูแลไป รัฐสวัสดิการเขาดูแลเรา แต่หัวใจนี่ใครจะดูแล หัวใจนี่ใครดูแล

“ก็เรานับถือศาสนาพุทธสิ พระก็ต้องดูแลสิ”

พระก็ดูแลหัวใจของท่าน พระเองพระก็ยังทุกข์อยู่เลย แล้วหัวใจของเราล่ะ ถ้าหัวใจของเราเป็น นี่ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก มีความเสมอภาค เวลาเรียกร้อง เรียกร้องความเสมอภาคๆ แต่ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวันมาฆบูชานะ เอหิภิกขุคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้บวชให้เอง ๑,๒๕๐ องค์ แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอนจนเป็นพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ องค์ ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่ได้นัดหมายกันเลย ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความเสมอกัน นี่พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ องค์พร้อมกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็น ๑,๒๕๑ องค์ นี่พระอรหันต์ด้วยกัน เสมอกัน เพราะอะไร

เพราะเสมอกันเวลาเทศนาว่าการ เห็นไหม “เธอจงไม่ทำความชั่วใดๆ ทั้งปวง ทำแต่คุณงามความดี ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว” ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว นี่ไง โอวาทปาติโมกข์

นี่พูดถึงเวลาผู้ที่จิตสะอาดแล้วต้องทำอย่างนั้นด้วยหรือ

จิตสะอาดแล้วมันพูดแล้วมันเข้าใจกันไง มันเข้าใจกันได้ไง แล้วของเราล่ะ ถ้าเราจะประพฤติปฏิบัติ เราทำความจริงของเราขึ้นมา ถ้าทำความจริงขึ้นมา เห็นไหม

คนที่มันอยากได้อยากดีเขาก็สุมไฟนะ เขาสุมไฟ เขาวิเคราะห์วิจัยว่ามันเป็นเรื่องของโลก มันเป็นทางวิทยาศาสตร์ ความเสมอภาคของมนุษย์

ความเสมอภาคของมนุษย์นะ แต่คนที่มีบุญ คนที่ทำสิ่งใดแล้วประสบความสำเร็จ เราก็คนเหมือนกัน แต่กุศโลบายทำให้ชาติร่มเย็น ผู้นำที่ดีๆ สำคัญมากเลย ไอ้นี่เวลาแย่งชิงกันก็สุมไฟกัน พอสุมไฟกัน เราเชื่อใครล่ะ

กาลเวลามันพิสูจน์ได้ เรารับรู้ได้ในใจ แต่พอมีอำนาจขึ้นมา เราไม่กล้าโต้แย้งอะไรเลย แต่ใจเรารับรู้ได้นะ ถ้าใจเรารับรู้ได้ เราซื่อสัตย์ เราอยู่กับความจริง ไม่ใช่หลับหูหลับตายกย่องกันไปอย่างนั้นหรอก ไม่ใช่ ความจริงต้องเป็นความจริง ถ้าหลับหูหลับตา เราไปพูดสิ่งที่ไม่ถูกไม่ต้องขึ้นมา ไอ้คนพูดมันก็เสียทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้ามันเป็นความจริงๆ ความจริงเป็นความจริงอยู่แล้ว แต่ความจริงอย่างนี้มันอยู่ในใจของทุกๆ คน แล้วทุกๆ คนไม่กล้าพูดออกมาไง

วันพ่อแห่งชาติๆ เวลาไปล้างเท้าพ่อ พ่อกับลูกก็รักกันอยู่แล้ว รักกันก็ส่วนรักกันสิ แต่เวลาการกระทำ กระทำขึ้นมาซึ่งๆ หน้า ยอมรับกันตรงๆ หน้า ยอมรับความจริงกันอย่างนี้ เรายอมรับความจริงกันอย่างนี้ มันอยากทำแต่ไม่กล้าทำ แต่มันทำแล้วมันปลาบปลื้มใจนะ ปลาบปลื้มใจ ใจของเรา สิ่งมีชีวิต กตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี เราจะเป็นคนดี สิ่งนี้เราทำไม่ได้หรือ เราต้องทำได้ แล้วทำสิ่งจากภายนอก แล้วเราทำสิ่งจากภายในนะ ภายใน ถ้าหัวใจมันยอมรับ หัวใจยอมรับ เห็นไหม หลวงตาเวลาท่านพูดถึงเวลาระลึกถึงหลวงปู่มั่น “ไม่ต้องมีรูปเคารพที่ไหนก็ได้ ผมระลึกถึงของผมแล้วผมกราบเอา”

พระป่าเราอยู่ในป่าในเขา มันมีพระพุทธรูปที่ไหน มีธูปเทียนที่ไหน ตาของเรา นิ้วของเรา มือของเรากราบได้ทั้งนั้นน่ะ ถ้ามันกราบหัวใจ ถ้าหัวใจมันลงนะ หัวใจมันเข้าใจนะ ที่ไหนมันก็กราบได้ ความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒,๐๐๐ กว่าปียังระลึกถึง เรายังเคารพบูชากันอยู่ เพราะอะไร เพราะท่านรื้อค้นสิ่งนี้มา รื้อค้นมาให้คนเสมอภาคกัน

พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ องค์ เอหิภิกขุ บวชมาให้ สอนด้วย แล้วพยายามกลับมาตรวจสอบใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าจริงหรือเปล่า แล้วมันจริงไหม แล้วพอมันจริงขึ้นมามันถึงยั่งยืนไง ยั่งยืนแล้วเป็นความจริงประสบมา

แล้วเราเองเราเป็นชาวพุทธนะ ถ้าวันสำคัญของชาติ เรากตัญญูกตเวที เราก็ต้องระลึกถึง แต่วันสำคัญของชาติก็วันสำคัญของชาติ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะมันมีชาติ ชาติก็คือสังคม ถ้ามีศาสนาหลอมหัวใจของพวกเรา แล้วประพฤติปฏิบัติให้เป็นความจริงขึ้นมา

สิ่งที่ผู้นำก็พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ที่ดี เป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกดูแลพวกเราๆ ทีนี้ดูแลพวกเรา เราก็มีน้ำใจต่อกัน เราดูแลหัวใจของเรา ทำหัวใจของเราให้เป็นจริงขึ้นมา แล้วมันจะคุ้มค่าไง มันจะคุ้มค่า

วันปกติเราก็ปฏิบัติกัน เราก็ทำคุณงามความดีกัน แล้ววันสำคัญของชาติ เราต้องทำความดีมากขึ้น เดินจงกรมก็เพิ่มอีกเท่าหนึ่ง นั่งสมาธิก็เพิ่มอีกเท่าหนึ่ง ทำคุณงามความดีกันให้มากขึ้น แต่กินน้อยลงเท่าหนึ่ง เวลากินให้น้อยลงเท่าหนึ่ง แต่ทำความดีให้มากขึ้นๆ เพราะเป็นวันสำคัญ

วันปกติเราก็ทำความดีอยู่แล้ว วันสำคัญต้องทำให้มากขึ้น ถ้าคิดอย่างนี้ทำอย่างนี้ เราจะพัฒนา เราจะเป็นคนดีไง

ไอ้วันสำคัญของชาติก็ เออ! วันนี้วันหยุด นอน วันสำคัญของชาติ

วันสำคัญของชาติต้องทำความดีมากขึ้น เพราะว่าเราอยู่กับครูบาอาจารย์นะ วันพระ เนสัชชิก วันปกติก็ภาวนาอยู่แล้ว วันพระนี่ไม่นอนๆ เพราะเรามีเป้าหมาย เรามีเป้าหมาย เราจะเอาความจริงกัน เราต้องขวนขวายของเรา

นี่ก็เหมือนกัน มันมีสิ่งใดที่มันสะดุด มีสิ่งใดที่เป็นข้อต่อรอง เราต้องบังคับตัวเองให้ทำความดีมากขึ้น ทำความดีมากขึ้น แล้วทำความดีนั้นไม่ใช่ของใครเลย ของจิตดวงนั้น จิตดวงใดก็แล้วแต่ ความลับไม่มีในโลก ใครคิดใครทำ มันรู้ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วกับจิตดวงนั้น เอวัง